หากว่าเอ่ยถึงปัญหาใต้ตา เชื่อได้เลยว่าหลายๆ คนคงกังวลใจกันอยู่ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ดีการเติมใต้ตามีสาระน่ารู้หลายต่อหลายด้าน และสิ่งที่ต้องศึกษาก่อนตัดสินใจเติมใต้ตา ที่ไหนดีคือสิ่งที่จำเป็น หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการเติมใต้ตา มาดูพร้อมกันดีกว่าหรือไม่ว่ามีสิ่งใดที่คุณควรรู้บ้าง
เติมใต้ตา แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
สำหรับใครที่สนใจการเติมใต้ตา ที่ไหนดี มาพิจารณาก่อนดีกว่าหรือไม่ว่าการเติมใต้ตา แก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง
1.ริ้วรอยใต้ตา
ปัญหาริ้วรอยใต้ตามาจากหลายต่อหลายปัจจัยและพฤติกรรมต่างๆ ที่คุณมักทำในชีวิตโดยเจตนาและไม่เจตนา ไม่ว่าจะเป็นอายุที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้คอลลาเจนใต้ผิวลดลงไปตามธรรมชาติ ในกรณีที่มีพฤติกรรมซึ่งละเลยการดูแลผิว ไม่ทาครีมกันแดด ไม่ทาสกินแคร์ก็ยิ่งทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้แบบง่ายดาย หรือบางกรณีอาจจะเกิดจากงานหนักหรือปาร์ตี้แบบจัดเต็ม เพราะหญิงสาวในวัยสามสิบกว่ามักจะทุ่มเทให้กับการทำงานหนักทั้งวัน นอกจากนี้ในเวลาเย็นหลังจากเลิกงานก็อาจมีการปาร์ตี้เพื่อผ่อนคลายความเครียด ด้วยพฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้เองที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้อย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากร่างกายขาดการพักผ่อน อย่างไรก็ดีการเติมใต้ตาจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
2.ถุงใต้ตา
ปัญหาถุงใต้ตามีทั้งถุงใต้ตาแท้และถุงใต้ตาเทียม ซึ่งมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป
2.1 ถุงใต้ตาเทียม มีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบการไหลเวียนเลือดอันจะทำให้ไขมันสะสม รวมไปถึงการทำให้ไขมันรวมถึงของเหลวบริเวณผิวหนังใต้ตาบวมและนูนออกมา นอกจากนี้บางคนยังมีสาเหตุของถุงใต้ตามาจากการขยี้ตา การร้องไห้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตามากเกินไป ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และชอบกินอาหารรสเค็ม อย่างไรก็ดีปัญหาถุงใต้ตาเทียมอาจรักษาได้ด้วยตัวเอง โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด นอกจากนี้ยังต้องหมั่นประคบเย็นรอบดวงตาเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น แต่หากว่าพยายามรักษาด้วยตนเองแล้วแต่ยังไม่หาย อาจต้องเลือกวิธีเติมใต้ตาแทนจะดีกว่า
2.2 ถุงใต้ตาแท้ ถุงใต้ตาแท้เกิดจากกรรมพันธุ์หรือระบบต่อมไร้ท่อทำงานในร่างกายแบบผิดปกติ ส่งผลให้ไขมันและของเหลวต่างๆ ไหลมารวมกันในบริเวณใต้ตามากเกินไป นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากอายุที่เพิ่มมาขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังของคนเราเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา และทำให้เนื้อเยื่อที่รองรับไขมันถุงใต้ตาอ่อนแรง พร้อมกันนั้นก็ยังหย่อนตัวลงมา และจะยิ่งหย่อนตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุขัย
3.ขอบตาคล้ำ
ปัญหาขอบตาคล้ำมักเกิดจากเส้นเลือดรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก อันส่งผลให้เกิดการขยายตัวของเส้นเลือดดำ ทำให้เห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา บางครั้งอาจเกิดขึ้นเพราะการอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอหรืออายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นช่วงมีประจำเดือนหรือช่วงตั้งครรภ์
4.เบ้าตาลึก
เบ้าตาลึกมักจะเกิดจากไขมั้นเบ้าตาน้อยแต่กำเนิด หรือบางคนอาจมีภาวะไขมันพร่องเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดร่องลึกอยู่ระหว่างดวงตากับโครงคิ้ว และยังมองเห็นขอบกระดูกเบ้าตาได้อย่างชัดเจน และดูไม่สวยงาม ทำให้ดวงตาดูลึกโหล เหนื่อยล้า ทรุดโทรมและมีอายุ อย่างไรก็ดีในกรณีที่ร่องลึกอยู่ใกล้ๆ กับชั้นตามาก อาจทำให้เหมือนมีตาสามชั้น ซึ่งเบ้าตาลึกสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย
รวมวิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยตนเอง
สำหรับใครที่มีงบน้อย ต้องการลองแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยตนเองก่อนเติมใต้ตา ที่ไหนดี ขอแนะนำเป็นวิธีดังต่อไปนี้
นวดเพื่อผ่อนคลาย อาจจะกล่าวได้ว่านี่เป็นวิธีการฟื้นบำรุงรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนวดจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรวมถึงอิลาสติน ซึ่งจะลดริ้วรอยใต้ตาได้อย่างง่ายดาย อาจนวดวนเบาๆ ที่บริเวณใต้ตา หรือจะนำผ้าอุ่นมาประคบรอบดวงตาก็สามารถทำได้เช่นกัน
ครีมบำรุงรอบดวงตา การใช้ครีมบำรุงจัดได้ว่าเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างยิ่งในการลดริ้วรอยใต้ตา ทั้งหางตา ร่องลึกและปัญหารอบดวงตาหลายต่อหลายด้าน ซึ่งครีมบำรุงรอบดวงตามักมีสารเติมเต็มริ้วรอยที่ซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนอะหนะหรือหนักผิว โดยได้รับการออกแบบสำหรับใช้ลดริ้วรอยรอบดวงตาซึ่งเป็นจุดที่ผิวบอบบางมากกว่าจุดอื่นๆ
ดื่มน้ำให้พอในแต่ละวัน เนื่องจากว่าร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยน้ำเป็นหลักกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น 1 วัน ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื่นจากภายในสู่ภายนอก พร้อมกันนั้นก็ยังชะลอการเกิดริ้วรอยต่างๆ ได้ดียิ่ง ทำให้ผิวของคุณกระจ่างใสมากกว่าเดิม
ใส่ใจกับการล้างเมคอัพ หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าการล้างเมคอัพเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหลายคนต้องใช้สำลีเช็ดคราบเมคอัพรอบดวงตาจนกว่าจะล้างได้สะอาดหมดจด แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าการใช้สำลีจะทำให้ผิวถูกเสียดสี เกิดการระคายเคือง พร้อมทำให้ผิวมีริ้วรอยก่อนวัย อย่างไรก็ดีการใช้คลีนซิ่งออยล์หรือคลีนซิ่งน้ำนมดูจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการช่วยให้ผิวรอบดวงตาสะอาดหมดจดได้แบบไม่จำเป็นต้องใช้สำลี
ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ การใช้วัตถุดิบธรรมชาติเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ปัญหาใต้ตาของคุณลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยคุณสามารถนำแตงกวามาหั่นเป็นแว่นบางๆ จากนั้นจึงวางไว้บนเปลือกตาของเราประมาณ 15 นาที แล้วค่อยนำออกเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวรอบดวงตาได้อย่างล้ำลึก
การเติมใต้ตามีแบบใดบ้าง
อย่างไรก็ดีสำหรับใครที่ลองรักษาด้วยตนเองแล้วแต่ไม่ได้ผล คุณสามารถเลือกเติมใต้ตาได้เช่นกัน ซึ่งการเติมใต้ตาใช้สารใดเพื่อแก้ไขปัญหาผิวรอบดวงตาบ้าง มาดูพร้อมกัน
เติมโบท็อกซ์
โบท็อกซ์คือสารสำหรับฉีดเข้าไปสู่ผิวหนังเพื่อควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าในบริเวณที่ฉีดทำงานได้น้อยลงกว่าเดิม โดยแพทย์จะฉีดเพื่อทำให้รอยเหี่ยวย่นใต้ตาลดลง พร้อมลดขนาดกล้ามเนื้อในบริเวณใต้ตา สารที่ใช้ฉีดเพื่อเป็นโบท็อกซ์ คือเอนไซม์ชื่อว่าโบทูลินั่มท็อกซินเอ โดยเป็นสารพิษที่ได้มาจากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม โดยจะนำสารพิษดังกล่าวมาเจือจาง จากนั้นจึงทำให้บริสุทธิ์ เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ สารพิษดังกล่าวจะไปจับกับเส้นประสาท และลดการทำงานของเส้นประสาทในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อขับได้น้อยลง โดยผลการรักษาด้วยโบท็อกซ์อาจไม่ได้อยู่แบบถาวร ทว่าจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ก่อนที่กล้ามเนื้อจะกลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ดีแพทย์จะไม่แนะนำให้เติมโบท็อกซ์บ่อยเกินไป เพราะว่าอาจทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อต้านเชื้อโบท็อกซ์และไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังการฉีดได้
เติมฟิลเลอร์ด้วยสารไฮยาลูรอนิค แอซิด
ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มที่ใช้สำหรับฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังใต้ตาสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนยาน เป็นหลุมแผล ซึ่งสารที่ใช้ฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนังคือกรดไฮยาลูรอนิค เป็นสารสังเคราะห์ที่ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบกรดไฮยาลูรอนิกที่เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของผิวหนังมนุษย์ การฉีดฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคค่อนข้างปลอดภัย ไม่แพ้และยังสลายไปได้เองโดยไม่ทิ้งสารตกค้างเอาไว้ในผิว ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คือผลจะไม่อยู่ถาวร ร่างกายสามารถสลายไปได้เองในเวลาราว 6 เดือน-24 เดือน ขึ้นอยู่กับพันธะในฟิลเลอร์และระบบเผาผลาญของร่างกาย
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเลือกดูแลตัวเองไม่สายเกินไป ยิ่งหากว่าเริ่มดูแลตนเองเร็ว ยิ่งทำให้ริ้วรอยใต้ตาลดลง หรือคุณอาจจะเลือกเติมใต้ตา ที่ไหนดีๆ ก็ได้เช่นกัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหารอบดวงตาได้อย่างตรงจุดและบอกลาริ้วรอย เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่ใครๆ ต่างก็หลงรัก