ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาร่องและถุงใต้ตาได้จริงหรือ? การแพทย์ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่า ปัญหาการแก่ชรามีสาเหตุหลักมาจาก การยุบตัวของชั้นกระดูกและเนื้อเยื่อไขมันชั้นลึก การรักษาจึงต้องแก้ที่สาเหตุ สำหรับบริเวณใต้ตา ปัญหาการยุบตัวของกระดูกและเนื้อเยื่อบริเวณนี้ ทำให้เห็นเป็นร่องลึก และเกิดถุงใต้ตานั่นเอง จึงไม่แปลกที่ปัญหาร่องลึก และถุงใต้ตา สามารถพบได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ เพราะเกิดจากกระดูกบริเวณโหนกแก้มและใต้ตาไม่เจริญเติบโตอย่างที่ควรจะเป็น
สำหรับในผู้ที่เริ่มมีอายุ เช่นอายุ 30 ปีขึ้นไป ร่องและถุงบริเวณใต้ดวงตาเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความทรุดโทรมบนใบหน้า การแก้ปัญหาร่องหรือถุงใต้ดวงตาจึงถือเป็นภาระกิจจําเป็นสําคัญอันดับ 1 ของการย้อนวัยให้ใบหน้า ไม่ใช่การแก้ริ้วรอยตีนกา หรือเติมร่องแก้มอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คลิ๊กดูตัวอย่าง รูปก่อน-หลังรักษา
ร่องและถุงใต้ตาสามารถพบได้แม้ในผู้ที่อายุน้อย เช่น 15-20 ปี สืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตที่ไม่ดีของกระดูกโหนกแก้ม และกระดูกเบ้าตาล่าง ทําให้ไม่มีตัวค้ำยันเนื้อเยื่อใต้ตา จึงเกิดการยุบและดึงเอาถุงไขมันใต้ลูกตาออกมาที่เรียกว่า ‘Pseudo-herniation of intra-orbital fat’ หรือ ‘สภาวะเสมือนไส้เลื่อนของถุงไขมันในเบ้าลูกตา’ นอกจากนี้ยังพบว่าในบางรายกล้ามเนื้อรอบดวงตา (Orbicularis Oculi) ในส่วนที่ปิดเบ้าตา (Palpebral part) ยังบางผิดปกติทําให้ไม่สามารถปิดกั้นถุงไขมันไม่ให้ป่องออกมาได้
สําหรับในวัยกลางคนเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นจะเริ่มเห็นร่องใต้ตาและถุงใต้ตา เมื่อกระดูกเบ้าตาและเนื้อเยื่อไขมันชั้นลึกบริเวณใต้ตา (SOOF) เริ่มฝ่อตัว ซึ่งเราสามารถพบร่องใต้ตาในผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไปได้แทบทุกคน และเมื่ออายุมากขึ้นร่องลึกยิ่งมากขึ้น และถุงใต้ตาก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นตามมา สภาพเหล่านี้ทําให้ใบหน้าดูทรุดโทรมดูเหมือนคนนอนดึก นอนไม่อิ่ม หรือมีโรคประจําตัว เป็นต้น
การรักษาสามารถแบ่งได้ 2 แบบคือการผ่าตัดและไม่ผ่าตัด
เป็นวิธีการรักษาที่นิยมในอดีต เพราะคนส่วนใหญ่รวมถึงแพทย์เองก็คิดว่าการผ่าตัดจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่กลับพบว่ามีผลข้างเคียงตามมามากมาย ทั้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ปัญหาใต้ตาแหกอ้าหลังผ่าตัดเป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาแล้วแก้ไขยากมาก บางรายหลังผ่าตัดถึงไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่เรียบเนียนยังอาจมีร่องใต้ตาหลงเหลืออยู่ ซึ่งก็ต้องกลับมาฉีดฟิลเลอร์แก้อีกที
เครื่องเลเซอร์ที่กระตุ้นให้ผิวหดรัด และยกกระชับ เช่น คลื่นวิทยุ หรือ อัลตราซาวด์พลังงานสูง เป็นต้น บอกได้เลยว่าเครื่องมือเหล่านี้แทบไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย เนื่องจากไม่ได้แก้ปัญหาการยุบตัวของกระดูกและชั้นไขมันชั้นลึกใต้ดวงตา (SOOF) เลย
ส่วนใหญ่ของการฉีดฟิลเลอร์ด้วยวิธีการปกติทั่วไป จะเน้นที่การแก้ไขการยุบตัวของเนื้อเยื่อด้านล่าง แต่การแก้ไขถุงใต้ตาและการหย่อนคล้อยยังทําได้ไม่ดีนัก เนื่องจากกายวิภาคบริเวณรอบดวงตามีความละเอียดอ่อน และแพทย์ที่ทําการฉีดต้องมีความชํานาญอย่างมากที่จะรู้ว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นจะช่วยแก้ไขการยุบตัวบริเวณไหนและมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเลือก ชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม มิเช่นนั้นนอกจากไม่ช่วยแล้วยังเพิ่มปัญหาถุงใต้ตาอีกด้วย ดังนั้นจึงพบว่าแพทย์ส่วนใหญ่จะปฏิเสธการฉีดฟิลเลอร์หากคนไข้มีถุงใต้ตาหรือมีผิวหนังหย่อนคล้อยร่วมด้วย
การร้อยไหมใต้ดวงตาจะช่วยให้มีการกระชับผิวให้ตึงขึ้น และช่วยลดถุงใต้ตาได้ แต่ไม่ช่วยแก้ปัญหาการยุบตัวของเนื้อเยื่อด้านล่าง ดังนั้นจึงต้องทำการรักษาควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเท่านั้น จึงสามารถแก้ปัญหาได้แท้จริง ซึ่งก็คล้ายกับการผ่าตัดเอาถุงไขมันออกแล้วเย็บผิวให้ตึงนั่นเองแต่ร่องบุบก็ยังอยู่ ถ้าไม่ฉีดฟิลเลอร์ไปเติมเต็มร่องลึก
เป็นการฉีดฟิลเลอร์ขั้นสูงเพื่อแก้ปัญหาใต้ดวงตาให้กลับมาดูสดใสอ่อนวัย โดยสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งร่องใต้ตา ถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และการหย่อนคล้อย โดยมีหลักการดังนี้
แก้การยุบตัวของเนื้อเยื่อด้านล่างโดยการฉีดฟิลเลอร์เนื้อหนักลงไปสองตําแหน่งคือ ที่ขอบกระดูกเบ้าตา และที่เนื้อเยื่อชั้นลึกใต้ดวงตา เพื่อค้ำยันและช่วยดันถุงไขมันไม่ให้ปลิ้นออกมา ทั้งนี้จําเป็นต้องเลือกใช้ชนิดฟิลเลอร์ให้เหมาะสมด้วย เพราะฟิลเลอร์บางยี่ห้ออาจดูดน้ำมากทําให้ใต้ตาบวมหลังฉีด และต้องใช้ฟิลเลอร์ชนิดที่เนื้อเจลประกอบด้วย HA อนุภาคใหญ่ (Largeparticle HA gel) ที่มีขนาดเท่าๆ กัน เพื่อทําให้การค้ำยันบริเวณกระดูกทําได้ดีกว่า และคงรูปอยู่ได้นานกว่า ส่วนการแก้ริ้วรอยและการหย่อนคล้อยของผิวหนังใต้ดวงตาโดยฉีดฟิลเลอร์ชั้นตื้น คือฉีดเข้าใต้ผิวหนังโดยตรง จึงต้องใช้ฟิลเลอร์ชนิดพิเศษ เนื้อนิ่ม ชนิดที่เนื้อเจลประกอบด้วย HA อนุภาคเล็กมาก (Very small-particle HA gel) ที่มีขนาดเท่าๆ กัน ขั้นตอนนี้สําคัญมากเพราะหากใช้ฟิลเลอร์ผิดชนิดจะทําให้ใต้ตาบวมตุ่ยขึ้นและแย่ลง เนื่องจากฟิลเลอร์ชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีอนุภาคเล็กและไม่เกาะตัวเป็นก้อน (Low cohesiveness) จึงสามารถกระจายตัวใต้ผิวได้ดี โดยเฉพาะผิวหนังใต้ดวงตาที่บางมาก นอกจากนี้มันยังสามารถช่วยให้ผิวอุ้มน้ำสร้างความชุ่มชื่นได้ยาวนาน ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ริ้วรอยและผิวหนังที่บอบบางหย่อนคล้อยใต้ดวงตาก็จะค่อยๆ ฟูหนาขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์แบบนี้แทบไม่พบผลข้างเคียง หากรักษาโดยแพทย์ที่ชํานาญ ปัญหาที่พบบ่อยคือ อาจมีรอยเขียวช้ำได้หลังการรักษา แม้จะใช้เข็มปลายทู่ก็ตาม และบางรายอาจมีอาการบวมของใต้ตาได้เล็กน้อยนาน 1-2 สัปดาห์ สําหรับผู้ที่มีริ้วรอยมากและร่องลึกมาก อาจจําเป็นต้องเติมฟิลเลอร์เพิ่มเล็กน้อย ในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษาครั้งแรก และรายที่ผิวหย่อนมาก การร้อยไหมบริเวณใต้ตาก็จะทำให้ผลการรักษาดีขึ้น
AIC Clinic ให้บริการฉีดฟิลเลอร์เทคนิคชั้นสูงด้วยเข็มปลายทู่ และแบบสัมผัสกระดูก เพื่อแก้ปัญหาการหย่อนคล้อยของใบหน้า ปรับรูปหน้า แก้ร่องและถุงใต้ตา ทำปากกระจับ เป็นต้น
เราเป็นผู้นำนวัตกรรมการรักษาหลุมสิวและแผลเป็นด้วยอากาศแรงดันสูง หรือ Air Dissection มาใช้เป็นรายแรกในไทย และเทคนิคการรักษาที่เรียกว่า DNA Booster เพื่อเร่งการหายของหลุมสิว
การร้อยไหมนอกจากช่วยเรื่องการยกกระชับใบหน้าแล้วยังสามารถนำมาใช้ในการปรับรูปหน้าได้ด้วยทั้งนี้ AIC Clinic เป็นผู้ริเริ่มการร้อยไหมละลายเกาหลีรายแรกของเมืองไทย
กว่า 10 ปี ที่ลูกค้าต่างให้ความไว้วางใจใน AIC Clinic ทั้งเหล่าเซเลปชื่อดังของสังคมไทย
นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ผู้บริหารและ
เจ้าของกิจการในตลาดหลักทรัพย์-นอกตลาดหลักทรัพย์
ดาราดังระดับซุปตา และอื่น ๆอีกมากมายที่ไม่เปิดเผยตัว เพราะผู้ที่
เข้ารับบริการทุกท่าน
ต่างมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลรักษาด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด โดยแพทย์ที่เก่งที่สุดในด้านนี้นั่นเอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือส่งภาพเพื่อให้แพทย์ประเมิน