ฉีดถุงใต้ตา คืออะไร และข้อห้ามหลังฉีดมีอะไรบ้าง

หลังจากฉีดถุงใต้ตาแล้ว ควรมีข้อปฏิบัติอย่างไรบ้าง

ถุงใต้ตา เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังอ่อนแอและความหย่อนคล้อยคลายตัวลงมาเกิดเป็นกระเปาะ แผ่นไขมันใต้ตาจะไหลลงมาในช่องว่างนั้น เมื่อของเหลวส่วนเกินในร่างกายสะสมกันที่บริเวณนั้น ทำให้เปลือกตาล่างบวม ยิ่งรอยคล้ำและสีผิวเปลี่ยนแปลงไป ยิ่งทำให้ถุงใต้ตาชัดเจนมากขึ้น สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น หลักๆ แล้วคืออายุที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้นความเครียด ภูมิแพ้ นอนไม่พอและพันธุกรรมก็ทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ด้วยเช่นเดียวกัน ปัจจุบันนิยมกำจัดด้วยการฉีดถุงใต้ตา

ฉีดถุงใต้ตา คืออะไร

ฉีดถุงใต้ตา คือ การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มสารไฮยาลูรอนิค แอซิด เป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ตรงจุด มากที่สุด ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาเท่านั้น แต่ยังแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อยได้ด้วย หลังฉีดแล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงเลยทันที ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือได้ว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัย ไม่มีรอยแผลและมีความเป็นธรรมชาติอย่างมาก ช่วยให้หน้าดูเด็กลง ดวงตาสดใส ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้การฉีดฟิลเลอร์จะมีความปลอดภัยแต่ผู้เข้ารับการฉีดต้องปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง ทำตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะหลังการฉีด เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว อาจพบว่ามีอาการบวมแต่ไม่ต้องตกใจเพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก สาเหตุเพราะว่าเข็มเข้าไปในผิวหนัง ไม่ได้มีอาการบวมหรืออักเสบเพราะตัวยา หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน อาการบวมจะค่อยๆ หายไป ซึ่งทุกอย่างจะเข้าที่ประมาณ 1-2 อาทิตย์

ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

– หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

– หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด อาหารหมัก ดอง อาหารดิบ

– งดการสูบบุหรี่

– ไม่ควรแกะ เกา บริเวณที่ฉีด

– หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า ตากแดด หรือออกกำลังกายหักโหมในช่วง 3 วันแรก

การฉีดถุงใต้ตาหรือฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ใช่หัตถการแบบถาวร ฟิลเลอร์จะย่อยสลายไปเองตามธรรมชาติ ระยะเวลาจะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ฉีด ทริคดีๆ ที่อยากแนะนำอีกอย่างคือ ควรดื่มน้ำให้มากๆ 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพราะน้ำคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อห้ามหลังฉีดถุงใต้ตา เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนได้ศึกษาและปฏิบัติตาม สิ่งสำคัญคือการเลือกคลินิก ต้องเลือกคลินิกที่เชื่อถือได้ มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้คำแนะนำให้คำปรึกษาที่ดี เน้นที่ประโยชน์สูงสุดต่อคนไข้ ไม่ใช่เน้นที่การขายเพียงอย่างเดียว