ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อยู่ได้นานกี่วัน และมีข้อดียังไง

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ใครที่กำลังประสบปัญหาร่องแก้มลึก มีริ้วรอย โดนทักว่าหน้าแก่กว่าอายุทำให้เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิต ใช้ครีมแพงๆกระปุกเป็นหมื่นริ้วรอยร่องแก้มก็ไม่ดีขึ้น แนะนำให้ลองหาตัวช่วยอื่นๆ อย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่จะช่วยเติมเต็มร่องแก้มลึกให้ใบหน้าที่มีริ้วรอยกลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง ก่อนที่เราจะรู้จักว่าการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีข้อดียังไง เราควรรู้ก่อนว่าปัญหาร่องแก้มลึกมีสาเหตุเกิดจากอะไรค่ะ

ปัญหาร่องแก้มเกิดได้จาก 3 ปัจจัยหลักๆคือ

1.อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุที่เริ่มมากขึ้นคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวเรานั้นจะเกิดความเสื่อมสภาพ โครงสร้างกระดูกบริเวณใบหน้าจะยุบตัวลง ทำให้เกิดเป็นร่องโดยเฉพาะบริเวณข้างแก้มซึ่งจะเห็นเป็นริ้วรอยร่องลึกได้อย่างชัดเจน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

2.พฤติกรรมการดำเนินชีวิต การแสดงออกทางสีหน้าหรืออารมณ์มากเกินไปไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ รวมไปถึงพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ นอนดึก ความเครียดสะสม เป็นต้น

3.ปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่นควัน มลพิษมลภาวะต่างๆ

หลังจากที่เรารู้แล้วว่าร่องแก้มลึกเกิดจากสาเหตุใด เรามารู้จักหนึ่งในเทคนิคที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด ทำให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึงและดูเด็กได้อีกครั้ง คือ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นเทคนิคที่เหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งอื่นๆของร่างกาย คือการเติมสารเติมเต็มชนิด Hyaluronic acid ส่งผลให้บริเวณที่ฉีดริ้วรอยตื้นขึ้น ร่องแก้มที่ลึกจางลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ายกกระชับมากขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง โดยเฉพาะหากฉีดฟิลเลอร์โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC หรือ AIC Clinic โดย นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ แพทย์ผู้มีประสบการณ์มาถึง 20 ปีและเป็นแพทย์ไทยคนแรกที่ใช้ “เข็มปลายทู่” ในการฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ สามารถเห็นผลหลังฉีดได้ทันทีและสามารถใช้ชีวิตหลังฉีดได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนอกจากจะช่วยลดริ้วรอบแล้วยังสามารถยกกระชับให้ผิวเต่งตึงและมีความเรียบเนียน ชุ่มชื้นมากขึ้น ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะคงอยู่ได้นาน 6-20 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยสารเติมเต็มอย่าง Hyaluronic acid ถือว่ามีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมมากในปัจจุบันค่ะ